คุณบุญศรี อรุณโรจน

เกษตรกรผู้ปลูกสวนมะม่วง จังหวัดเชียงใหม่

 


คุณบุญศรี อรุณโรจน หรือ เจ๊หม่วย กว่าจะมีวันนี้ได้ ชีวิตต้องเริ่มต้น จากศูนย์ จากแม่ค้าขายเสื้อผ้าสําเร็จรูปที่รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยง ครอบครัว จึงมองหาช่องทางทํากินเพิ่มเติมเพื่อเป็นอาชีพเสริม ด้วยการ แนะนําของผู้ใหญ่ใจดีที่ให้ทดลองปลูกมะม่วง ประกอบกับความขยัน อดทน และไม่หยุดที่จะเรียนรู้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนสําคัญที่ก้าวเข้าสู่อาชีพเกษตรกร อย่างเต็มตัวและมีรายได้มั่นคง ปัจจุบัน เจ๊หมวย เป็นเจ้าของสวนมะม่วง กว่า 150 ไร่ ในจังหวัดเชียงใหม่ และทําธุรกิจส่งออกมะม่วงน้ําดอกไม้สีทอง ไปยังต่างประเทศ

Mango

มะม่วงน้ําดอกไม้ ตลาดนิยม ขึ้นแท่นผลไม้เศรษฐกิจ 

จากที่ดินเพียง 10 ไร่ ในการปลูกมะม่วง เมื่ออายุครบ 3 ปี เก็บผลผลิต ขายได้เพียง 15,000 บาทเพราะเป็นปีแรกที่เริ่มให้ผลผลิต กระทั่งเข้าสู่ปีที่ 3 รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 150,000 บาท เจ๊หมวยเริ่มมองเห็นอนาคต ของไม้ผลชนิดนี้ จึงขยายพื้นที่ปลูก เหตุผลที่เลือกปลูกมะม่วงน้ําดอกไม้ เพราะตลาดกว้าง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค ผลิตผลของสวนแห่งนี้ สามารถ ส่งออกไปได้หลายประเทศ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเลเซีย เพราะเน้นผลิตมะม่วงคุณภาพ มีลักษณะตามที่ตลาดต้องการ คือ ลูกใหญ่ ผิวสวย เนื้อในดี และรสชาติดี

เคล็ดลับการปลูกมะม่วงน้ําดอกไม้คุณภาพดี และ เพิ่มผลผลิตเพื่อส่งออก

เจ๊หม่วย กล่าวว่า 3 ข้อหลักสําคัญสําหรับการปลูกมะม่วงเกรดส่งออก คือ “น้ําต้องดี ปุ๋ยต้องถึง และหมั่นดูแลเอาใจใส่กําจัดวัชพืช”

น้ํา มีความสําคัญกับมะม่วง เมื่อมะม่วงเริ่มออกดอกเท่าเดือยไก่ ต้องหมั่นบํารุงรดน้ําจนกว่าจะเก็บผลผลิต ควรระวังอย่ารดน้ําให้ชุ่มจนเกินไป เพราะเป็นสาเหตุทําให้เกิดโรคได้

ปุ๋ย เป็นปัจจัยสําคัญควบคู่กับน้ํา เทคนิคคือเลือกใช้ยี่ห้อและสูตร ตรงตามที่พืชต้องการ โดยใส่ปุ๋ยอย่างต่อเนื่องเพื่อบํารุงต้นให้เจริญเติบโต

กําจัดวัชพืช ต้องทําอยู่เสมอ เพราะวัชพืชจะคอยแย่งน้ําและอาหาร จากต้นมะม่วง การปล่อยให้แปลงปลูกรก จะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของโรค และแมลงต่างๆ ที่จะเข้าทําลายต้นมะม่วง

mango farm

ปุ๋ยยารา ปุ๋ยดีที่ช่วยสร้างกําไรหลักล้านต่อปี

จากประสบการณ์กว่า 30 ปี เจ๊หมวยใช้ปุ๋ยมาเกือบทุกยี่ห้อ จึงสามารถ บอกได้ว่า ยี่ห้อไหนดี สูตรไหนดี ใส่แล้วมะม่วงซอบ ถ้าเลือกปุ๋ยไม่ถูก จะได้ ผลผลิตลูกเล็ก ขายยาก ทําให้ขาดทุน จึงทดลองเปลี่ยนยี่ห้อมาเรื่อย ๆ จนได้ทดลองใช้ “ปุ๋ยยารา” ซึ่งพบความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ มะม่วงติดลูกดี ลูกใหญ่ น้ําหนักมาก ขายง่าย มีกําไร มะม่วงเกรดเอน้ําหนัก มากกว่า 300 กรัม ขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 110 บาท

เจ๊หมวยแนะเทคนิคสําคัญในการใส่ “ปุ๋ยยารา”

หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว การฟื้นฟูต้นและตัดแต่งกิ่ง ให้ใส่ปุ๋ยรอบแรก คือ “ยารามีร่า 16-16-16” ผสมกับ “ยาราลีว่า ในตราบอร์ 15-0-0” เพื่อบํารุงต้นให้ออกใบใหม่ อัตรา 2 ต่อ 1 ปริมาณการใส่ ถ้าต้นอายุ 8-10 ปี ระยะ 2 เดือนแรก ใส่ต้นละ 1 กิโลกรัม

ระยะสร้างตาดอก : ก่อนมะม่วงออกดอก 1-2 เดือน ใส่ “ยารามีร่า ดับเบิล 8-24-24” อัตราต้นละ 1-2 กิโลกรัม เพื่อเป็นการสะสม อาหาร และเป็นการทําดอกให้สมบูรณ์ ติดลูกมาก

ระยะบํารุงผล : หลังติดผล ใส่ปุ๋ย “ยารา มีร่า 16-16-16” ผสมกับ “ยาราลีว่า ไนตราบอร์ 15-0-0” ช่วยในเรื่อง ขนาดผลและผิวที่สวยงาม ใส่ทุกๆ 15 วัน ใส่ต้นละ 1-2 กิโลกรัม


เจ๊หม่วย กล่าวทิ้งท้ายว่า “ตั้งแต่เริ่มใช้ปุ๋ยยารา คุณภาพและ ผลผลิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลผลิตดก ต้นละประมาณ 70-100 ลูก ขนาดผลที่ได้เป็นเกรดเอ กว่า 80% เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตกับสวนอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยยารา คุณภาพของ ผลผลิตที่ได้ไม่ดีเท่ากับของเรา ใช้ปุ๋ยยาราปลูกมะม่วงถือว่าคุ้มค่ากับ การลงทุนมาก เพราะต้นทุนค่าปุ๋ยไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพ ของผลผลิตและกําไรที่ได้ถึงครึ่งต่อครึ่ง สร้างกําไรถึงหลักล้านต่อปี ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น มีเงินส่งลูกเรียนจบ ปริญญาทั้ง 2 คน ที่สําคัญ มีเงินฝากไว้ใช้ตอนบั้นปลายชีวิตด้วย”

คลิปวิดิโอเสียงจริงเกษตรกรยารา