คุณสมคิด พงษ์สุข

เกษตรกรผู้ปลูกส้มสายน้ำผึ้ง ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่




20 ปี ที่สะสมประสบการณ์การทำสวนส้ม ของคุณสมคิด พงษ์สุข หรือ พี่ดำ ทำให้การดูแลสวนส้มสายน้ำผึ้งที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 20 ไร่ ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีผลผลิตออกสู่ตลาดปีละเกือบ 90 ตัน สร้างรายได้ให้พี่ดำหลักล้านต่อปี



Somkid

พี่ดำ เล่าให้ฟังว่า สวนส้มที่มีอยู่ทั้งหมด 20 ไร่ แบ่งเป็นบ่อน้ำ 2 บ่อ ขนาดพื้นที่บ่อน้ำรวม 4 ไร่ ไว้ใช้กักเก็บน้ำสำหรับสวนส้ม เพราะส้มเป็นพืชที่ต้องการน้ำอย่างต่อเนื่อง

ระยะปลูกส้ม 4x3 เมตร และปลูกต้นคู่ เพราะพื้นที่มีน้อย จึงเน้นการดูแลให้มีคุณภาพ

ดินที่สวนส้มของพี่ดำ เป็นดินร่วน มีความซุยในเนื้อดินดี แต่การปลูกไม้ผลพืชจะดึงธาตุอาหารจากดินขึ้นมาใช้มาก ทำให้ธาตุอาหารในดินลดลง เมื่อถึงรอบปรับปรุงดินหลังเก็บผลผลิต พี่ดำ จะบำรุงดินด้วยปุ๋ยคอก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน ส่วนวัชพืชที่ขึ้นภายในสวน พี่ดำเลือกวิธีกำจัดด้วยการตัดหรือถอน โดยแรงงานคน ไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดหญ้าแต่อย่างใด ผลที่ได้ตามมา คือ ดินมีความชุ่มชื้น

สิ่งสำคัญสำหรับการปลูกส้มสายน้ำผึ้ง “ดินดี น้ำดี ปุ๋ยห้ามขาด”

พี่ดำ เล่าด้วยว่า การปลูกและดูแลสวนส้มสายน้ำผึ้งนั้น ต้องใส่ใจในทุกขั้นตอน และให้ความสำคัญกับปัจจัยที่มีผลต่อการปลูกส้ม คือ ปุ๋ย และน้ำ

น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญ การวางระบบน้ำ พี่ดำ จึงเลือกติดตั้งด้วยสปริงเกลอร์ ใช้ปั๊มน้ำดึงน้ำจากบ่อขึ้นมาใช้ รดน้ำทุก 2-3 วัน ขึ้นกับสภาพอากาศ ในแต่ละครั้งเปิดให้ประมาณ 30 นาทีต้องแถวปลูก ยกเว้นฤดูฝน งดให้น้ำ เพราะดินมีความชุ่มชื้นมากเพียงพอแล้ว ดังนั้น เมื่อดึงน้ำจากบ่อน้ำขึ้นมาใช้ พี่ดำจะผันน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงมาเติมบ่อให้ได้ระดับที่เหมาะสม

Somkid with yara fertilizer

การปลูกส้มสายน้ำผึ้งให้ได้ผลดีนั้น พี่ดำ บอกว่า การบำรุงดินให้มีธาตุอาหารที่สมบูรณ์เป็นเรื่องสำคัญ และระหว่างการปลูก ปุ๋ยที่ให้กับส้มควรมีธาตุอาหารที่ตรงตามความต้องการของส้ม และให้ธาตุอาหารเสริมเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ต้นมีความสมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมสำหรับการติดดอกออกผล ก็จะทำให้ผลผลิตส้มได้คุณภาพ รวมถึงการให้ปุ๋ยเพื่อบำรุงต้นหลังการเก็บเกี่ยว ก็เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับการผลิตในฤดูกาลต่อไป

พี่ดำ เล่าให้ฟังว่า เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ จะใส่ปุ๋ยหมักเพื่อฟื้นบำรุงดินก่อน จากนั้นตกแต่งกิ่ง แล้วใส่ปุ๋ย ยารามีร่า 16-16-16 ในอัตรา 400 กรัมต่อต้นทุก 2 สัปดาห์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพต้นให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ ปุ๋ย ยารามีร่า 16-16-16 เป็นปุ๋ยปั้นเม็ดที่มีธาตุอาหารครบสม่ำเสมอ

Citrus

เทคนิคการปลูกส้มสายน้ำผึ้งให้ได้ผลผลิตดี ผลใหญ่ ผิวสวย

“ก่อนติดดอก ผมจะใส่ปุ๋ย ยารามีร่า วินเนอร์ 14-8-19 ในอัตรา 400 กรัมต่อต้นต่อเดือน ผสมกับปุ๋ย ยาราลีว่า ไนตราบอร์ 15-0-0 ในอัตรา 200 กรัมต่อต้นต่อเดือน โดยปุ๋ย ยารามีร่า วินเนอร์ 14-8-19 มีส่วนผสมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ที่ช่วยกระตุ้นให้ลำต้นส้มเติบโตแข็งแรง ทั้งยังมีส่วนช่วยบำรุงรากของต้นส้มให้แข็งแรงด้วย ส่วน ยาราลีว่า ไนตราบอร์ 15-0-0 นั้น เป็นปุ๋ยแคลเซียมไนเตรตที่ละลายน้ำได้ดี ทำให้พืชสามารถนำไปได้ทันทีทางระบบราก จะช่วยให้ต้นส้มแตกใบใหม่ได้ไวขึ้น และผนังลำต้นมีความแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลงได้ดียิ่งขึ้นด้วย”

หลังการให้ปุ๋ย ยารามีร่า วินเนอร์ 14-8-19 และปุ๋ย ยาราลีว่า ไนตราบอร์ 15-0-0 แล้ว ประมาณ 20 วัน จะเห็นว่า ต้นส้มแตกใบอ่อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังช่วยบำรุงรักษาดอกที่เริ่มติดให้แข็งแรง ไม่ร่วงหลุด ดอกจะสมบูรณ์เต็มที่ ซึ่งช่วยในการติดผลได้มาก

ระยะสุดท้ายที่ปุ๋ยมีความสำคัญต่อต้นส้ม คือ ระยะบำรุงผล ในขั้นตอนนี้ พี่ดำ บอกว่า มีความสำคัญไม่น้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะเมื่อเริ่มติดผลอ่อน ต้องใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงผลอีกครั้ง โดยใช้ปุ๋ย ยารามีร่า วินเนอร์ 14-8-19 ในอัตรา 400 กรัมต่อต้นต่อเดือน ผสมกับปุ๋ย ยาราลีว่า ไนตราบอร์ 15-0-0 ในอัตรา 200 กรัมต่อต้นต่อเดือน โดยปุ๋ย ยารามีร่า วินเนอร์ 14-8-19 จะช่วยดูแลผลให้แข็งแรง ขยายผล ป้องกันการหลุดร่วงของผล ทำให้ลูกใหญ่ขึ้น ลดปัญหาลูกแตกในฤดูฝนลงได้มาก ไม่เกิดการสูญเสีย ส่วนปุ๋ย ยาราลีว่า ไนตราบอร์ 15-0-0 มีส่วนผสมของแคลเซียมไนเตรต ช่วยสร้างความแข็งแรงของขั้ว ทำให้ขั้วเหนียวจนถึงระยะเก็บเกี่ยว

การให้ธาตุอาหารเสริมกับต้นไม้ ก็เป็นสิ่งจำเป็น พี่ดำ เลือกใช้ยาราวีต้า แคลซีพลัส ในอัตราส่วน 400 ซีซีต่อไร่ โดยเน้นฉีดพ่นในช่วงต้นส้มแตกยอดอ่อน เพื่อให้ต้นส้มสะสมแคลเซียมไว้รองรับกับดอกที่กำลังจะติดตามมา ทั้งนี้ ยาราวีต้า แคลซีพลัส มีส่วนผสมของธาตุแคลเซียมโบรอนเสริมสังกะสี สำหรับฉีดพ่นทางใบ ทำให้สามารถฉีดพ่นได้ตั้งแต่แตกใบอ่อน จนถึงเริ่มติดผลขนาดเท่าหัวไม้ขีด ฉีดซ้ำทุก 14 วัน

การเก็บผลผลิตจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี และเริ่มเก็บได้เรื่อยๆ ต่อเนื่องถึงเดือนมีนาคม รวมรอบการผลิตทั้งหมด พี่ดำ เก็บผลผลิตได้สูงถึง 4,000 ตะกร้า ตะกร้าละ 22 กิโลกรัม ราคาซื้อขายหน้าสวนทั่วไป อยู่ที่ 34-36 บาทต่อกิโลกรัม แต่สำหรับสวนของพี่ดำ ได้ราคาดีสูงถึง 36 บาทต่อกิโลกรัม

“ราคารับซื้อหน้าสวนของแต่ละสวน บางทีไม่เท่ากัน ถึงแม้ราคาทั่วไปจะอยู่ที่ 34-36 บาทต่อกิโลกรัม แต่สวนของผม ได้ราคา 36 บาทต่อกิโลกรัม ถือว่าราคาสูง ซึ่งราคารับซื้อของพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามารับที่สวน ขึ้นอยู่กับผลผลิตของเรา หากลูกใหญ่ ผิวดี รสชาติได้ ถือว่าเป็นส้มคุณภาพ ตลาดต้องการ ก็ได้ราคาดี”

 

ใช้ปุ๋ยยารา ผลผลิตตรงตามตลาดต้องการ สร้างกำไรหลักล้านต่อปี

พี่ดำ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอดการทำสวนส้มมา 20 ปี ใช้ปุ๋ยยารามาโดยตลอด เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ เริ่มต้นก็ใช้ยาราและเห็นผลที่ตามมาอย่างชัดเจน เป็นปุ๋ยคอมปาวด์ที่รวมธาตุอาหารไว้ในเม็ดเดียวกันและเท่าๆ กัน มีการละลายที่ดี ไม่เหลือกาก และการตอบสนองต่อพืชรวดเร็ว ทำให้มั่นใจได้ว่า ต้นส้มจะได้รับธาตุอาหารอย่างเพียงพอ เหมาะสมและครบถ้วน

“หากให้ผมเปลี่ยนไปใช้ยีห้ออื่น ผมคงต้องคิดหลายตลบครับ แต่เลือกได้ก็ไม่เลือกเปลี่ยนครับ เพราะผลผลิตที่ผมทำได้ ตรงตามตลาดต้องการ ราคาดี ไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตของไร่ส้มสายน้ำผึ้งและอนาคตของครอบครัวที่ต้องดูแลเลย”

คลิปวิดิโอเสียงจริงเกษตรกรยารา